EN

แก้วเจ้าจอม Guaiacum officinale L.

ต้นแก้วเจ้าจอม เหมาะปลูกเป็นไม้ประดับให้ร่มเงา มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะเวสต์อินดีส พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำต้นพันธ์มุาจากประเทศอินโดนีเซียเมื่อปี พ.ศ. 2451 และทรงปลูกไว้ที่พระราชอุทยานสวนสุนันทา เดิมชาววังเรียกว่า“ ต้นน้ำอบฝรั่ง ” ต่อมาพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราช ปดิวรัดา ประทานชื่อใหม่ว่า “แก้วจุลจอม” ในปี พ.ศ. 2501 ศาสตราจารย์เต็ม สมิตินันทน์ ได้ตั้งชื่อใหม่ว่า “แก้วเจ้าจอม” ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน ♦ เป็นพรรณไม้ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

ชื่อพื้นเมือง : แก้วเจ้าจอม (กรุงเทพมหานคร)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Guaiacum officinale L.

ชื่อวงศ์ : ZYGOPHYLLACEAE

ชื่อสามัญ : Lignum Vitae

ลักษณะ : ไม้ต้น สูง 10-15 ม. เปลือกต้นสีเทาเข้ม กิ่งมีข้อพองเห็นเป็นปุ่มๆ ทั่วไป ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ มีใบย่อย 2-3 คู่ เรียงตรงข้าม ใบย่อยไม่มีก้าน รูปไข่กลับ รูปไข่กว้าง หรือรูปรีเบี้ยวเล็กน้อย ปลายมน โคนสอบ ขอบเรียบ มีจุดสีส้มที่โคนใบย่อยด้านบน ดอกเดี่ยว ออกเป็นกระจุกที่ยอด 3-4 ดอก สีฟ้าอมม่วงและจะซีดลงเมื่อใกล้โรย กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปไข่ โคนติดกันเล็กน้อย ร่วงง่าย กลีบดอก 5 กลีบ รูปรีหรือรูปไข่ เกสรเพศผู้ 10 อัน แยกกัน เกสรเพศเมียปลายแยกเป็น 5 แฉก ผลแห้งแตก รูปหัวใจกลับ มีครีบ 2 ข้าง สีเหลืองหรือสีส้ม มี 1-2 เมล็ด เมล็ดรูปรี สีน้ำตาล

ประโยชน์ : นำมาปลูกในประเทศไทยเป็นไม้ประดับ แก่นไม้สีน้ำตาลถึงดำ แข็งมาก เป็นมัน และหนักมาก ทนต่อแรงอัดและน้ำเค็ม จึงนิยมนำมาใช้ทำกรอบประกับเพลาเรือเดินทะเล หรือกรอบประกับเพลาเครื่องจักรในโรงงานต่างๆ ทำรอก ด้ามสิ่ว และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องการความแข็งแรงมากๆ ยางไม้ใช้เป็นยาขับเสมหะ ยาระบาย ขับเหงื่อ แก้ข้ออักเสบ ใช้ร่วมในยาฟอกเลือด ทำเป็นยาอมแก้ต่อมทอนซิลและหลอดลมอักเสบ ละลายในเหล้ารัมและเติมน้ำเล็กน้อยใช้อมกลั้วคอแก้เจ็บคอ กินแก้ปวดท้อง และใช้ใส่แผล น้ำคั้นจากใบกินแก้อาการท้องเฟ้อ เปลือกและดอกเป็นยาระบาย ยาชงจากดอกเป็นยาบำรุงกำลั