"ภาวะกลืนลำบาก" ในผู้สูงอายุ อาการ อันตราย และการดูแล

ความสามารถในการกลืนอาหารลดลงหรือ “ภาวะกลืนลำบาก” (Dysphagia) คือหนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการกลืนหรือโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะสมองเสื่อม โรคพาร์กินสัน โรคทางระบบประสาท โรคทางจิตเวช รวมถึงโรคที่ทำให้กล้ามเนื้อมีภาวะเกร็ง ผู้สูงอายุที่มีภาวะหรือโรคต่างๆ เหล่านี้จะพบภาวะกลืนลำบากได้สูงถึง 50-75% และอาจมีภาวะสำลักเงียบร่วมด้วยถึง 40 – 70 % ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบติดเชื้อรุนแรงตามมา โดยผู้สูงอายุเกิน 60 ปี มีอัตราการเสียชีวิตด้วยภาวะปอดติดเชื้อจากการสำลักสูงถึงเกือบ 30%

อาการที่บ่งบอกถึงภาวะกลืนลำบาก

  • ไอ สำลัก หรือรู้สึกเจ็บขณะกลืนอาหาร
  • เสียงแหบพร่าหลังจากกลืนอาหาร
  • น้ำลายไหลออกทางปากมากผิดปกติ
  • รู้สึกคล้ายมีอาหารติดอยู่ในลำคอหรือหน้าอก
  • ต้องตัดแบ่งอาหารให้มีขนาดเล็กลงหรือหลึกเลี่ยงอาหารบางชนิดเพื่อให้สามารถกลืนได้ปกติ
  • น้ำหนักตัวลดลงผิดปกติ
  • พฤติกรรมการรับประทานอาหารเปลี่ยนแปลง

อันตรายจากภาวะกลืนลำบาก
Dysphagia อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะขาดสารอาหาร ภาวะขาดน้ำ และน้ำหนักตัวลดเนื่องจากผู้ป่วยมักหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารเพราะกลัวการสำลักหรือรู้สึกว่ากลืนลำบากทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารหรือน้ำไม่เพียงพอ และยังเสี่ยงต่อภาวะปอดอักเสบจากการสำลัก (Aspiration Pneumonia) เพราะอาหารอาจนำเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ปอด รวมทั้งอาการสำลักเนื่องจากอาหารไปปิดกั้นทางเดินหายใจ ซึ่งบางรายอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้  นอกจากนี้ภาวะกลืนลำบากยังส่งผลทางสังคมและจิตใจ โดยผู้สูงอายุมักมีความกังวลในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นทำให้ออกห่างจากสังคมเริ่มรับประทานอาหารคนเดียว นำไปสู่ภาวะซึมเศร้า หดหู่ มีผลทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง ไม่อยากอาหาร ยิ่งส่งผลให้สุขภาพโดยรวมทรุดโทรมมากขึ้นได้

การดูแลฟื้นฟู
ผู้มีปัญหาภาวะกลืนลำบากจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและได้รับคำแนะนำจากนักกิจกรรมบำบัดและนักกายภาพบำบัด เพื่อให้สามารถกลืนได้อย่างปลอดภัย โดยทำตามขั้นตอนดังนี้

  • ปรับลักษณะของอาหารและน้ำให้เหมาะสมกับระดับความสามารถในการกลืน อาจมีการใส่สารเพิ่มความหนืดลงในอาหารและเครื่องดื่มเพื่อช่วยลดโอกาสการสำลัก
  • ดูแลความสะอาดของปากและฟันก่อนและหลังการรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อขจัดเสมหะหรือเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ในช่องปาก ลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากเพื่อป้องกันการเกิดภาวะปอดอักเสบ
  • ฝึกการออกกำลังกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการกลืน เช่น การบริหารกล้ามเนื้อรอบปากและลิ้นโดยการเม้มปาก ทำปากจู๋ ฉีกยิ้ม อ้าปาก – ปิดปากสลับกัน ฝึกออกเสียง “อา- อี-อู” เป็นต้น
  • การปรับท่าทางขณะกลืนให้เหมาะสมกับความผิดปกติที่ตรวจพบในผู้ป่วยแต่ละราย เช่น การก้มหน้า เอียงคอ หรือหันศีรษะไปด้านหนึ่งขณะกลืนเพื่อให้กลืนได้อย่างปลอดภัย ในรายที่มีอาการรุนแรงมากอาจใช้เทคนิคการกลืนอื่นๆ ประกอบ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงหรืออาการที่เกิดขึ้นในแต่ละบุคคล เช่น การให้กลืนโดยออกแรงเต็มที่ หรือการไอหลังการกลืนอาหารแต่ละคำเพื่อช่วยไล่เศษอาหารที่ตกค้างอยู่ เป็นต้น

วัยสูงอายุเป็นวัยที่มีความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย ผู้ดูแลผู้สูงอายุควรมีความรู้ความเข้าใจ เมื่อพบปัญหาภาวะกลืนลำบากจำเป็นต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิดและได้รับคำแนะนำจากนักกิจกรรมบำบัดเพื่อให้สามารถกลืนได้อย่างปลอดภัย

ชนารักษ์ เนอร์สซิ่งโฮม ราชบุรี
โทร 032-240339, 095-487-2839, 096-649-6695

อ่านบทความเกี่ยวกับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยภาวะกลืนลำบาก: chanaruk-nursinghome.com/th/health-news/dysphagia-training/


ข้อมูลอ้างอิง: ดร.พญ.กันต์นิษฐ์ พงศ์พิพัฒไพบูลย์ และ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

สาระสุขภาพอื่น ๆ